วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ประกาศผลรางวัลสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 22

ประกาศผลรางวัลสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 22



ประกาศแล้วผลรางวัลสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 22 น้องใหม่ไฟแรง วงกาเนชา คว้า 3 รางวัล ศิลปินหน้าใหม่ ศิลปินกลุ่ม อัลบั้มยอดเยี่ยม ขณะที่ บี พีระพัฒน์ ร้องชายยอดเยี่ยม ส่วน ญารินดา นักร้องหญิงยอดเยี่ยม ขณะที่ เสก โลโซ คว้าศิลปินเดี่ยวร๊อก และอัมบั้มร็อกยอดเยี่ยมไปครอง

สำหรับการประกาศผลรางวัลแห่งคนดนตรี งานสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 22 ประจำปี 2552 ที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 มี.ค.)

ซึ่งผลรางวัลสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 22 ประจำปี 2552 มีดังนิ้

ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ได้แก่


กาเนชา จากอัลบั้ม S-h-i-a (เชี้ยะ)


ศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม ได้แก่


บี พีระพัฒน์ เถรว่อง จากอัลบั้ม Medium Rare (มีเดียม แรร์)



ศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม ได้แก่

ญารินดา บุนนาค จากอัลบั้ม Schools


ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม ได้แก่

กาเนชา จากอัลบั้ม S-h-i-a (เชี้ยะ)


ศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม ได้แก่

กล้วยไทย จากอัลบั้ม สิบสองสัตว์



ศิลปินเดี่ยวร็อกยอดเยี่ยม ได้แก่

เสก เสกสรร ศุขพิมาย จากอัลบั้ม เสก โลโซ


อัลบั้มยอดเยี่ยม ได้แก่

S-h-i-a (เชี้ยะ) ศิลปินโดย กาเนชา


อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม ได้แก่

Sek Loso (เสก โลโซ) ศิลปินโดย เสก เสกสรร ศุขพิมาย


โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม ได้แก่

บัญชา เธียรกฤตย์ จากอัลบั้ม ลำนำสะดิ้งเลิฟยู ศิลปินโดย เดอะ ริชแมน ทอย


เพลงยอดเยี่ยม ได้แก่

นาฬิกา คำร้องโดย ประภาส ชลศรานนท์ / ทำนองโดย พีระพัฒน์ เถรว่อง / ศิลปินโดย พีระพัฒน์ เถรว่อง


เพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ได้แก่

ขอบคุณ คำร้อง/ทำนองโดย อภิชา สุขแสงเพ็ชร์ /เรียบเรียงโดย เดอะ บีกินส์ / ศิลปินโดย เดอะ บีกินส์


เพลงร็อกยอดเยี่ยม ได้แก่


ปรากฏการณ์ผีเสื้อ คำร้อง/ทำนอง/ศิลปินโดย กล้วยไทย


เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม ได้แก่

Shin City (ชิน ซิตี้) ทำนอง/เรียบเรียงโดย วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล/ ศิลปินโดย ราโชมอน

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

♣ ข้อความซึ้งๆจากหนังและซีรี่ย์ ♣

"ในโลกนี้มี 3 อย่างที่เราไม่สามารถโกหกได้ นั่นคือ ไอ ความยากจน แล้วก็ความรัก ยิ่งปกปิดเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะเห็นได้ง่ายเท่านั้น"
"ธรรมชาติ ของความรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟู จนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้"
"ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก หากแต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก
IL Mare"


"นอกจากชอบคุณแล้ว ผมไม่เก่งอะไรเลย"
"เมื่ออาทิตย์สาดส่องบนท้องทะเล เมื่อนั้นผมคิดถึงคุณ เมื่อจันทร์แรมสาดแสง ในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อนั้นผมคิดถึงคุณ"
The Classic


"1 ปี, 3 ปีหรือ 5 ปี จากนี้ไป เราจะเป็นอย่างไร เราจะเป็นอะไรกันแน่ เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ อาจเป็นครู... เป็นแม่คน...และถึงแม้ ฉันจะมองไม่เห็นว่าตัวฉันเป็นเช่นไร แต่เวลาที่ฉันหลับตาลงครั้งใด ฉันก็จะเห็นเธออยู่ในความทรงจำตลอดไป"
Blue Gate Crossing


"เมื่อไหร่ที่คุณได้ยินเสียงผมกระซิบอยู่ในสายลม คุณก็จะได้พบใครบางคนที่มีวิญญาณเหมือนกับผม"
WindStruck


"อาการอย่างนี้ ที่ดาวอังคารผมไม่รู้หรอกว่าเขาเรียกว่าอะไร แต่ที่โลกเขาเรียกว่า...ความรัก"
Luandry


"เมื่อ คุณแหงนหน้ามองฟ้าและเอื้อมมือไปเพื่อจะคว้าดาว ถึงแม้...อาจจะไม่มีดาวซักดวงติดมือมาอย่างที่ต้องการ แต่ขอให้รู้เถอะว่า...สิ่งที่คว้าได้ ยังไงซะก็ไม่ใช่ดิน"
My Little Bride


"ถ้าเลือกเกิดได้ เค้าอยากเกิดเป็นต้นไม้ จะได้หยั่งรากลึกอยู่กับสิ่งที่รักไม่ต้องย้ายจากสิ่งที่รักไปไหน"
Autumn in My Heart


"ถ้าความรักคือการดูแลกัน ฉันอยากให้เธอกลับไปดูแลเขา ส่วนฉันจะดูแลเธอเอง"
FullHouse


"วัน เกิดของเธอ 3 พ.ย.ใช่ไหม? แต่วันเกิดของฉันคือวันที่ 28 ต.ค.....เธอเองก็ยังไม่มีเลยซักวินาทีนับตั้งแต่ลืมตาดูโลกที่ไม่มีฉันอยู่"
"หาก วันหนึ่งเธอมองไปแล้วไม่เห็นฉัน อย่าตกใจ เพราะฉันไม่ได้หายไปไหน ฉันอยู่ในตัวของเธอไง เธอจึงมองไม่เห็นฉัน ขาของเธอคือขาของฉัน ตัวของเธอคือตัวของฉัน ไม่ว่าจะที่ไหน ฉันอยู่กับเธอเสมอ"
Crying out love in the center of the world (Jap)


"ชั้น มีความสุขมากจริงๆนะ มีความสุขมาตลอด ตั้งแต่ที่ชั้นได้รักกับคุณ คุณคือความสุขของชั้น การได้อยู่กับคุณ คือ ความสุขทั้งหมดที่ชั้นต้องการมันเป็นความสุขที่ชั้นไม่ยอมแลกกับอะไรทั้ง สิ้น"
Be With You


"ฉันเกิดก่อนเธอหมายความว่าฉันได้มารอเธอ ในชาตินี้ก่อน และ ฉันจากไปก่อนเธอเพื่อไปรอเธอในชาติหน้าต่อไป แต่เธอไม่ต้องรีบมาหรอก ใช้ชีวิตในชาตินี้ก่อนตามเท่าที่เธอต้องการ แล้วฉันจะรอเธอ"
My Girl&I


"การให้อภัย...คือการแบ่งห้องว่างในหัวใจคุณสักนิดให้กับความเกลียด"
"ฉันไม่ต้องจดจำคุณหรอกค่ะ เพราะคุณคือส่วนหนึ่งในตัวฉัน ฉันอาจลืมคุณไป แต่ไม่มีสิ่งใดจะผลักไสคุณไปจากตัวฉันได้ค่ะ"
A moment To remember


"ว่า กันว่า...ความรักนำพาเพียงหนึ่งความสุขมาให้ แต่นำความทรมานนับพัน ฉันเลือกที่จะปลดปล่อยตัวฉันจากหมื่นพันความทรมานนั้น ดีกว่าจะเพลิดเพลินไปกับเพียงหนึ่งความสุขใจ"
My boyfriend is Type B


"ถ้าชีวิตฉันเหลือแค่วันเดียว สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด คือการได้อยู่กับเธอ"
Sad love Story


"ผม ขอโทษ . . . ตอนแรกที่เจอคุณผมคิดแค่อยากจะช่วยผู้หญิงน่ารักคนนึง ผมสร้างสะพานให้คุณ แต่กลายสะพานที่ทอดให้เขามาหาคุณ ตอนนี้ผมขอคืนหัวใจให้คุณ . . ."
Daisy


"จงรักแบบไม่เคย เจ็บปวดมาก่อน จงเต้นรำเหมือนไม่มีใครมองเราจงร้องเพลงเหมือนไม่มีใครได้ยินเรา จงทำงานเหมือนเราไม่ต้องการเงินจากมัน จงอยู่เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของโลก"
My name is Kim Samsoon


"ความหนาวเย็นถ้ามันไม่ได้อยู่ที่เท้าล่ะก็มันก็จะมาอยู่ที่หัวใจ"
Heaven's tree


"สำหรับ ผมแล้ว ทุกสิ่งย่อมมีวันจืดจาง ไม่เว้นแม้แต่ความรัก เหมือนกับภาพถ่ายของวันเวลาเก่าๆ แต่คุณต่างออกไป คุณคือแสงสว่างสุดท้ายในใจผม ผมรู้ว่าคุณหวังดีกับผมมาตลอด แต่ผมไม่สามารถรับไว้ได้ ได้แต่เพียงขอบคุณเท่านั้น ลาก่อน"
Christmas in August


"ถ้า หากฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว ดังนั้น ฉันไม่อาจปล่อยให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ได้ ขอแค่ซักครั้งนึงในชีวิตที่ฉันจะคิดถึงแต่ตัวฉันเอง และทำตามที่หัวใจตัวเอง ปราถนา แล้วฉันจะกลับมารับโทษทัณฑ์นั้น ด้วยตัวเอง........"
"สำหรับบางคนความรักคือหมากฝรั่งที่ไม่มีค่า แต่สำหรับบางคนความรักเป็นสิ่งที่สามารถตายแทนกันได้"
MISA


"ผม มีผู้หญิงที่ชอบอยู่ ผมชอบผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกพบอย่างไม่มีเหตุผล ผมชอบคนๆนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นมี คือเหตุผลที่ผมชอบเธอ"
"การ ตอบแทนคนที่มาชอบเราที่ดีที่สุด ก็คือชอบเค้าตอบ แต่ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ไม่ควรจะไปให้ความหวังเค้า เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นความหวังที่น้อยนิด แต่มันก็เป็นความหวังที่แสนจะทรมานเหลือเกิน ..."
"คุณเป็นคนเชื่อคนง่าย หรือคุณแค่เชื่อทุกอย่างที่ผมพูด"
Lover in paris


"หากแม้นมันสว่างแล้วมืดลง คุณจะไม่เห็นสิ่งใด แต่ถ้าหากมันมืดมิดเสียแต่ต้น คุณจะคุ้นชินกับมันแล้วมองเห็นได้"
Temptation of wolf


"ผมตกหลุมรักเข้าแล้ว มันเจ็บมากนะ แต่ผมก็อยากจะเก็บความเจ็บนี้ไว้"
"ผม ได้หมุนนาฬิกากลับไป 1 ชั่วโมงแล้ว ผมหวังว่าคุณจะลืมทุกอย่างที่ผมพูดไป แต่ว่า ถ้าหากคราวหน้าเราบังเอิญเจอกัน พวกเราก็คบกันอย่างเพื่อนแล้วกันนะครับ"
"ในตอนแรก เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มที่จะคิดถึงพวกเธอ วันนึงเป็นร้อยครั้ง แล้วก็เหลือ 99 เหลือ 98 เหลือ 97 และจากนั้นเมื่อผมลืมนับไปเรื่อยๆ ผมก็เลย สับสนว่าผู้หญิงสองคนนั้นน่ะ มีผมสีดำหรือสีน้ำตาลกันแน่ หรือที่จริงผมชอบพวกเธอหรือเปล่า"
Lovers'concerto


"ถ้า เธอบอกว่าเป็นทางซ้าย มันก็จะเป็นทางซ้ายสำหรับฉันโดยไม่มีข้อสงสัย ถ้าเธอบอกว่าเป็นทางขวา มันก็จะเป็นทางขวาสำหรับฉันโดยไม่มีข้อแม้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นข้างไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือ.....ความไว้ใจ"
"ถ้าเราเป็น เพื่อนกัน..ฉันโทรเรียกเธอมาเจอทุกครั้งที่อยากเจอได้ใช่มั้ย ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน..เวลาฉันเดือดร้อน เธอจะอยู่เคียงข้างฉันใช่มั้ย ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน..เวลาเธอเดือดร้อน ฉันช่วยเธอได้ใช่มั้ย ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน..เราจะทำทุกอย่างที่ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ใช่มั้ย"
"คนที่รักกัน...จะต้องได้พบกัน... แม้ว่าหนทางจะยาวไกลสักเพียงไหน ในที่สุดจะต้องได้กลับมาพบกัน"
Stairway to heaven


เชยอง : นานมาแล้ว ชินกูนบอกว่า ดวงดาวมีเหตุผลต้องแตกดับ ก็เหมือนกับมนุษย์ อีก 2,500 ปีข้างหน้า
มี คนบอกว่าคุณอาจจะได้พบคนที่รู้จักอีกครั้ง ดังนั้นเราอาจจะได้พบกันอีกยูลกูน ถ้าเกิดคุณได้พบกับฉันอีกใน 2,500 ปีข้างหน้า หนีฉันไปนะคะ ถ้าเกิดได้พบฉันอีก อย่าทำเป็นรู้จักฉันและหนีฉันไปเงียบๆ ฉันก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน
ยูลกูน : ทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วย
เชยอง : ตอนนี้ฉันอาจจะอยู่ห่างจากชินกูน แต่ฉันคิดว่าอีก 2,500 ปีข้างหน้า ฉันก็ยังจะชอบเขาอยู่
ยูลกูน : ถึงตอนนั้นผมก็ยังจะเฝ้ารอคุณ
Princess Hour (Goong)


"ตอน ที่ยังไม่รู้จักคุณ...คนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาของผมเลย..พอผมได้รักคุณ...ผม ถึงมองคนอื่น...ผมพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ลืมคุณ...ผมจึงทำร้ายคนอื่นไป ด้วย...จริงๆแล้วให้ผมถูกทำร้ายคนเดียวก็พอ...แต่ผมกลับเอามีดไปจ่อคนอื่นๆ ...ผมรู้สึกตัวเองกำลังจะตายเพราะคิดถึงคุณ...รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย ...จึงมาหาคุณครับ อย่าไล่ผมเลยนะครับ...ถ้าไม่อยากให้ผมตาย...ก็อย่าไล่ผมไปเลยนะครับ...ผมจะ อยู่เงียบๆ แล้วจากไปอย่างเงียบๆ...ผมสัญญา เพราะฉะนั้นอย่าไล่ผมเลยนะครับ"
Spring Day



"เราแตกต่างกันเพียงแค่....คุณเลือกที่จะลืม ส่วนผมเลือกที่จะจำ"
"ตอนนี้เป็นตอนที่เรารักกันน้อยที่สุด เพราะเราจะรักกันมากขึ้นทุกวัน"
"นาง ฟ้า ของผม นางฟ้าผู้ส่องประกายในใจผม ลีซุอิน ผมรักนางฟ้าคนนี้ ถ้าผมหักปีกนางฟ้าแล้วบังคับให้เธออยู่กับผม ผมคงเห็นแก่ตัวเกินไป นางฟ้าของผมบินให้สูงขึ้นและไกลขึ้น แต่วันใดที่คุณเหนื่อยล้ากลับมาตรงนี้ผมยังรอคุณเสมอ"
"ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป แต่สุดท้ายที่เหลืออยู่นั้นคือการเรารักกัน"
"ฉันไม่อาจบรรยายความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้มาเป็นคำพูดได้ เพราะกลัวว่าความรู้สึกนั้นมันจะหายไป"
Love story in Harvard


"ธรรมชาติของคนเราชอบมองย้อนกลับไปในอดีต เสียใจกับความผิดพลาดของตัวเอง ฉันหวังว่าคุณจะเห็นคุณค่าของปัจจุบัน และรักทุกๆนาทีของมัน"
"คุณยังจำได้ไหมว่า คุณเริ่มต้นความรักได้ยังไง สิ่งที่จุดชนวนความรัก ก็สามารถยุติความรักได้เช่นกัน"
Daddy's long leg


"ชีวิตเต็มไปด้วยความบังเอิญ แม้เส้นทางคู่ขนานก็อาจจะมาพบกันได้"
"ทั้ง สองคนต่างพันธ์ผูก เชื่อมกันไว้ด้วยจิตวิญญาณ ต่างเข้าใจในอารมณ์ งดงามเหมือนดั่งสัจธรรมอันเที่ยงแท้ หากแต่ความไม่เที่ยงแท้ยิ่งงดงามกว่า ทั้งสองไม่รู้จักกันมาก่อน ดังนั้นจึงไม่คาดหวัง ว่าดวงชะตาจะมาประสบพบกัน อาจเคยพบกันตามถนน บันได บนระเบียง และทุกหนทุกแห่ง ทั้งสองอาจพานพบกันและกันมานานแสนนานแล้ว อยากถามว่าพวกเขาจำได้หรือเปล่า ว่าอาจเคยพบกันต่อหน้าต่อตา ตรงประตูหมุน หรืออาจเคยพูดคุยในฝูงชนแออัดว่า "ขอโทษ" หรืออาจเคยส่งเสียงทางสายโทรศัพท์ว่า "คุณต่อผิด" แต่ทว่าฉันรู้คำตอบของพวกเขา ซึ่งก็คือไม่ พวกเขาต่างจำกันไม่ได้ พวกเขาคงจะตะลึงงัน หากรู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับพวกตน และอาจจนไม่ยินยอมพร้อมใจที่เปลี่ยนไปตามโชคชะตา ดุจฟ้าเป็นใจเปิดโอกาสให้พวกเขาแล้วก็ปิด ขวางกั้นหนทางประสบพักตร์ ฟ้าหัวเราเยาะเย้ยเสียยิ่ง "ดุจผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา"
Turn Left Turn Right


Damo
"ความสัมพันธ์ของคนไม่ได้แข็งแกร่งเมื่อแรกพบกัน แต่แข็งแกร่งในตอนท้ายขอบใจเจ้าที่อยู่กับข้าจนสุดท้าย"



"ไม่มีอะไรง่ายเท่ากับการยอมแพ้"

Wonderful Life

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ขงจื๊อ

ขงจื๊อ


ขงจื้อ (จีน: 孔子 ; อังกฤษ: Confucius ; ภาษาไทยมีเรียกกันหลายชื่อ เช่น ขงฟู่จื่อ ขงจื่อ ข่งชิว) (ตามธรรมเนียม, 28 กันยายน 551 ปีก่อน ค.ศ. - 479 ปีก่อน ค.ศ.) ชื่อรอง จ้งหนี เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ

ก่อนสิ้นใจ ขงจื๊อได้ทิ้งท้ายข้อความไว้กับ ซื่อคง ไว้ว่า "ขุนเขาต้องพังทลาย ขื่อคานแข็งแรงปานใด สุดท้ายต้องพังลงมา เหมือนเช่น บัณฑิตที่สุดท้ายต้องร่วงโรย"

ประวัติ

เมื่อขงจื๊อเกิดมาได้ สามปี พ่อที่เป็นคนสูงใหญ่แข็งแรง ก็ตายจากไป เด็กน้อยชอบเล่นตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ ชอบเลียนแบบท่าทางพิธีกรรมของผู้ใหญ่ เมื่ออายุได้ 15 ปี ฝักใฝ่การเล่าเรียน อายุ 19 ปี ได้แต่งงานกับแม่นางหยวนกวน ในปีถัดมาได้ลูกชาย ให้ชื่อว่า คงลี้ อายุ 20 ขงจื๊อได้เป็น เสมียนยุ้งฉาง และได้ใส่ใจความถูกต้องเนื่องจากทำงานกับตัวเลข ต่อมาได้ทำหลายหน้าที่รวมทั้ง คนดูแลสัตว์ คนคุมงานก่อสร้าง และในระหว่างที่ศึกษาพิธีกรรมจากรัฐโจว ได้โอกาสไปเยี่ยมเล่าจื๊อ ขงจื๊อมีความสัมพันธ์อันดีกับ เสนาธิบดีของอ๋องจิง และได้ฝากตัวเป็นพ่อบ้าน และได้มีการพูดคุยกับอ๋องในการวางแผน และหลักการปกครอง แต่เนื่องจากโดนใส่ความจากที่ปรึกษาของรัฐ ขงจื๊อจึงเดินทางต่อไปรัฐอื่น ภายหลังได้ฝากฝังตัวเองช่วยบ้านเมือง กับอ๋องติง และได้รับการแต่งตั้งดินแดนส่วนกลางของลู่ เป็นเสนาธิบดีใหญ่ บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง อาชญากรลดลง คนมีคุณธรรมและเคารพผู้อาวุโส และในระหว่างนั้น ได้มีการแบ่งแย่งดินแดน การแย่งชิงเมืองต่างๆ เกิดขึ้น ขงจื๊อได้เดินทางจากเมืองไปสู่เมืองต่างๆ เรียนรู้หลักการปกครอง และวัฒนธรรมท้องถิ่นแต่ละที่ ภายหลังได้ถูกหมายเอาชีวิต และถูกขับไล่ให้ตกทุกข์ได้ยาก และได้กลับมาสู่แคว้นลู่อีกครั้ง ขงจื๊อได้เริ่มรวบรวบพิธีกรรมโบราณ บทเพลง ตำราโบราณ และลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และได้สอนสั่งลูกศิษย์แถบแม่น้ำซูกับแม่น้ำสี ภายหลังขงจื๊อได้ล้มป่วยหนัก และเจ็ดวันให้หลัง ได้อำลาโลก ตรงกับเดือนสี่ทางจันทรคติ ในปีที่ 16 รัชสมัยอ๋องอี้ รวมอายุได้ 73 ปี

หลักความรู้

ดูเพิ่มที่ ลัทธิขงจื๊อ
ศาสตร์สี่แขนง
ที่ขงจื๊อวางรากฐานไว้ ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี และ ความซื่อสัตย์ โดยวัฒนธรรมเน้นถึงการเคารพบรรพบุรุษและพิธีการโบราณ ยึดถือผู้อาวุโสเป็นหลัก แต่ไม่ยึดติดหรืออายที่จะหาความรู้จากคนที่ต่ำชั้นหรืออายุน้อยกว่า
แปดหลักการพื้นฐานในการเรียนรู้
ได้แก่ สำรวจตรวจสอบ ขยายพรมแดนความรู้ จริงใจ แก้ไขดัดแปลงตน บ่มความรู้ ประพฤติตามกฎบ้านเมือง ประเทศต้องได้รับการดูแล นำความสงบสุขมาสู่โลก
ลำดับการเรียนรู้
ได้แก่ พิธีกรรม ดนตรี ยิงธนู ขี่ม้า ประวัติศาสตร์ และ คณิตศาสตร์
คุณธรรมทั้งสาม
ที่ได้จากการเรียนรู้ ได้แก่ ภูมิปัญญา เมตตากรุณา และความกล้าหาญ
สี่ขั้นตอนหลักการสอน
ได้แก่ ตั้งจิตใจไว้บนมรรควิธี ตั้งตนในคุณธรรม อาศัยหลักเมตตาเกื้อกูล สร้างสรรค์ศิลปะใหม่
สี่ลำดับการสอน
ได้แก่ คุณธรรมและความประพฤติ ภาษาและการพูดจา รัฐบาลและกิจการบ้านเมือง และสุดท้ายคือวรรณคดี

72 ศิษย์เอกขงจื๊อ

ชั่วชีวิตของขงจื๊อมีลูกศิษย์ทั้งสิ้นกว่าสามพันคน [1] ในจำนวนนี้มีลูกศิษย์เอก 72 คน [2]

  • เอี๋ยนหุย (Yan Hui)
  • หมิ่นสุ่น (Min Sun)
  • หย่านเกิง (Ran Geng)
  • หย่านหยง (Ran Yong)
  • หย่านฉิว (Ran Qiu)
  • ตวนมู่ซื่อ (Duanmu Ci)
  • จ้งอิ๋ว (Zhong You)
  • จ่ายอวี๋ (Zai Yu)
  • เอี๋ยนเอี่ยน (Yan Yan)
  • ปู่ซาง (Pu Shang)
  • จวานซุนซือ (Zhuansun Shi)
  • เจิงชัน (Zeng Shen)
  • ต้านไถเมี่ยหมิง (Dantai Mieming)
  • มี่ปู้ฉี (Fu Buji)
  • เอี๋ยนจี๋ (Yan Zu)
  • หยวนเซี่ยน (Yuan Xian)
  • กงเหย่ฉาง (Gongye Chang)
  • หนานกงควา (Nangong Kuo)
  • กงซีอาย (Gongxi Ai)
  • เจิงเตี่ยน (Zeng Dian)
  • เอี๋ยนอู๋หยาว (Yan Wuyao)
  • สูจ้งหุ้ย (Shuzhung Hui)
  • ซางฉวี (Shang Zhu)
  • เกาไฉ (Gao Chai)
  • ชีเตียวคาย (Qidiao Kai)
  • กงป๋อเหลียว (Gongbo Liao)
  • ซือหม่าเกิง (Sima Geng)
  • ฝานซวี (Fan Xu)
  • โหย่วยั่ว (You Ruo)
  • กงซีฉื้อ (Gongxi Chi)
  • อูหม่าซือ (Wuma Shi)
  • เหลียงจาน (Liang Zhan)
  • เอี๋ยนซิ่ง (Yan Xing)
  • หย่านหยู (Ran Ru)
  • เฉาซวี่ (Cao Xu)
  • ป๋อเฉียน (Bo Qian)
  • กงซุนหลง (Gongsun Long)
  • ซีหยงเตี่ยน (Xi Yongdian)
  • หย่านจี้ (Ran Ji)
  • กงจู่จวี้จือ (Gongzu Gouzi)
  • ซือจือฉาง (Shi Zhichang)
  • ฉินจู่ (Qin Zu)
  • ซีเตียวตัว (Qidiao Chi)
  • เอี๋ยนเกา (Yan Gao)
  • ซีเตียวถูฝู้ (Qidiao Dufu)
  • หย่างซื่อชื่อ (Zeng Sichi)
  • ซางเจ๋อ (Shang Zhai)
  • สือจั้วสู่ (Shi Zuo)
  • เยิ่นปู้ฉี (Ren Buji)
  • โห้วชู่ (Hou Chu)
  • ฉินหย่าน (Qin Ran)
  • ฉินซาง (Qin Shang)
  • เซินต่าง (Shen Dang)
  • เอี๋ยนจือผู (Yan Zhipo)
  • หยงฉี (Yan Zhi)
  • เซี่ยนเฉิง (Xian Chang)
  • จั่วเหยินอิ่ง (Zuo Renying)
  • เจิ้งกั๋ว (Zhang Guo)
  • ฉินเฟย (Qin Fei)
  • เอี๋ยนขว้าย (Yan Kuai)
  • ปู้สูเฉิง (Bu Shusheng)
  • เยว่เขอ (Yue Ke)
  • เหลียนเจี๋ย (Lian Jie)
  • ตี๋เฮย (Di Hei)
  • ปานซวิ่น (Kui [al. Bang] Sun)
  • ขงจง (Kong Zhong)
  • กงซีเตี่ยน (Gongxi Dian)
  • จวี้อ้าย
  • ฉินเหลา
  • หลินฟ่าง (Lin Fang)
  • เฉิงค่าง (Chan Kang)
  • เซินเฉิง

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Serial + keygen Mass Effect 2

Install Notes

1. Extract RARs
2. Mount or burn image
3. Install game
4. Use the keygen from crack dir to generate serials or use one of these:

JSJJ-YGWD-A3W3-K6M2-1911
GZHH-V3JP-O5O7-P3K0-1911
K52J-DPKQ-L5Q2-46E5-1911
VW3K-59M2-D3L6-F7R2-1911
QVWN-33FT-P8K2-A6I3-1911
P8RH-62CX-U4E7-45O5-1911

5. Copy crack from dvd1 to your install folder
6. Play!

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรตติ้ง "ภาพยนตร์" ของกระทรวงวัฒนธรรม

กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดประเภทภาพยนตร์ หรือ
"เรตติ้ง"ภาพยนตร์" โดยแบ่งออกเป็น 7 ประเภทหลัก

ส่งเสริมการเรียนรู้
1.ประเภท ส่งเสริมการเรียนรู้ และควรส่งเสริมให้ดู มีเนื้อหาส่งเสริมการศึกษา จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม ให้ความรู้ความเข้าใจการพัฒนาสังคม ครอบครัว และสร้างจิตสำนึกในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป
2.ประเภทที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป เนื้อหาต้องไม่มีเรื่องของเพศ ภาษาที่มีความรุนแรง

เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป
3.ประเภท ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ต้องไม่มีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรง ทารุณ โหดร้าย ขาดมนุษยธรรม น่ากลัวส่อไปในทางสยองขวัญ ใช้คำหยาบคายลามก พฤติกรรมทางเพศที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร การสาธิตวิธีการก่ออาชญากรรมหรือใช้อาวุธ ใช้สิ่งเสพติดให้โทษที่ไม่เหมาะสม อันเป็นเหตุชักจูงให้เกิดอาชญากรรมต่อสังคม และไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับลัทธิหรือคำสั่งสอนที่ขัดต่อความเรียบร้อยชัก จูงให้เด็กและเยาวชนหลงเชื่อ

เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
4.ประเภท ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีเนื้อหาเหมือนกับประเภท 3 แต่อาจมีภาพ เสียง เนื้อหาที่แสดงให้เห็นพฤติกรรม หรือภาษาที่ไม่เหมาะสม และต้องใช้วิจารญาณในการดู

เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
5.ประเภท ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ต้องไม่มีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่เปิดเผยอวัยวะเพศ สาธิตวิธีการก่ออาชญากรรม และวิธีการใช้สิ่งเสพติด

ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดู
6.ประเภท ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดู มีเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงการมีเพศสัมพันธ์ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือผู้อื่น และสาธิตวิธีการก่ออาชญากรรม

"ห"ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร
7.ประเภท ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ที่มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายความมั่นคงของประเทศ ก่อให้แตกความสามัคคี เหยียดหยามศาสนา ไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม และมีเนื้อหาที่แสดงถึงการมีเพศสัมพันธ์ เห็นอวัยวะเพศในลักษณะลามกอนาจาร

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

"เจ.ดี.ซาลิงเกอร์" เจ้าของนิยาย "The Catcher in the Rye"



นักประพันธ์ชื่อดังชาวอเมริกัน "เจ.ดี. ซาลิงเกอร์" เจ้าของนวนิยายคลาสสิกแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่าง "เดอะ แคทเชอร์ อิน เดอะ ราย" (The Catcher in the Rye) ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 91 ปี เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่รัฐนิวแฮมเชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซาลิงเกอร์มีชื่อเต็มว่า "เจอโรม เดวิด ซาลิงเกอร์" เกิดเมื่อปี ค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) ที่มหานครนิวยอร์ค บิดาของเขาเป็นนักธุรกิจนำเข้าเนยแข็งเชื้อสายยิว ส่วนมารดาเป็นลูกครึ่งสก็อต-ไอริช


ผล งานนวนิยายเล่มสำคัญของซาลิงเกอร์คือ "เดอะ แคทเชอร์ อิน เดอะ ราย" ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1951 (พ.ศ.2494) หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความแปลกแยกและความเป็นขบถของวัยรุ่น ซึ่งต่อมากลายเป็น 1 ในนวนิยายอเมริกันที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในยุคสมัยใหม่/หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และถือเป็นดังคัมภีร์ไบเบิ้ลของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นหนังสือที่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาและนักศึกษามหาวิทยาลัยของ หลายประเทศต้องใช้อ่านในวิชาภาษาอังกฤษ



"The Catcher in the Rye" เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเด็กนักเรียนในฐานะหนังสืออ่านนอกเวลาในวิชาภาษาอังกฤษ นิยายที่เล่าเรื่องของการผ่านข้ามพ้นวัยของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า โฮลเด้น โคลฟิลด์ ผู้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความแปลกแยก ผู้เดินทางไปโดยไม่มีจุดหมายที่แน่นอนหลังถูกไล่ออกจากโรงเรียน The Catcher in the Rye เป็นงานกลายเป็นงานที่สามารถกระแทกใจไม่เฉพาะกับวัยรุ่น แต่รวมถึงผู้ใหญ่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยผลงานเล่มดังกล่าวออกขายเมื่อปี 1951 และกลายเป็นหนังสือขายดี ถูกตีพิมพ์กว่า 60 ล้านเล่มทั่วโลกแล้วในขณะนี้

แถลงการณ์จากตัวแทนของนักเขียนในตำนานผู้นี้กล่าวว่า "ซาลิงเกอร์เคยปรารภว่าแม้เขาจะอยู่ในโลกนี้แต่ไม่ค่อยจะได้เป็นส่วนหนึ่ง ของโลก ร่างของเขาอาจจะสูญสลายไป แต่พวกเราหวังว่าเขาจะยังคงอยู่ กับคนที่เขารักไม่ว่าจะเป็นใคร อาจเป็น บุคคลผู้ศรัทธาในศาสนา, บุคคลในประวัติศาสตร์, เพื่อนสนิท หรือตัวละครในนิยาย"

สำนักพิมพ์ The Modern Library และผู้อ่านเคยเลือกให้ The Catcher in the Rye เป็นหนึ่งใน 100 นิยายภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 มาแล้ว ... "ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับความสามารถบางอย่างของเขา ที่สามารถเชื่อมไปถึงเสียงของเยาชนอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กวัยรุ่นในยุคสงคราม และหลังสงคราม" เดวิด เรมนิก บรรณาธิการของ นิตยสาร New Yorker กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ ABC News

แพ็ตทริเซีย บอสเทลแมน ผู้บริหารฝ่ายกาตลาดของ บาร์นส์ แอนด์ โนเบิล กล่าวถึงนิยาย The Catcher in the Rye ว่าเป็นนิยายที่ขายดีที่สุดตลอดการเรื่องหนึ่ง "มันแน่ชัดอยู่แล้วว่าหนังสือเล่มนี้ขายได้อย่างมหาศาลในกลุ่มผู้อ่านวัย เรียน แต่ยอดขายที่สม่ำเสมอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็หมายความว่าหนังสือถูกเลือกซื้อ และอ่าน โดยผู้อ่านทุกประเภท"

The Catcher in the Rye กลับมาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มาร์ค เดวิด แชปแมน ฆาตกรผู้สังหาร จอห์น เลนน่อน นักร้องชาวอังกฤษชื่อดังในปี 1980 หลังจากการถูกจับกุม แชปแมน เอ่ยถึงผลงานของซาลิงเกอร์เล่มนี้ขึ้นมาในฐานะแรงบันดาลใจ ในการก่อเหตุสะเทือนโลกว่า "หนังสือสุดพิเศษเล่มนี้ เต็มไปด้วยคำตอบมากมาย" เขากล่าว

ซาลิงเกอร์ ที่มีชื่อเต็มว่า เจอร์โรม เดวิด ซาลิงเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 1919 ในเมืองแมนฮัตตัน นิวยอร์ก เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงมาจากนิยายอย่าง "Franny and Zooey" "Raise High the Roof Beam, Carpenters, and Seymour : An Introduction," และชุดเรื่องสั้นที่เรียกว่า "Nine Stories" ส่วนผลงานชิ้นสุดท้ายที่ได้รับการตีพิมพ์ของเขาคือ "Hapworth 16, 1928," ที่เขาเขียนลงใน The New Yorker ปี 1965 และเพิ่งถูกพิมพ์ใหม่ออกมาอีกครั้งเมื่อปี 1996

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รายชื่อภาพยนตร์และดาราที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 82


สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม


1. "Avatar" หนัง 3 มิติ ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน

2. "The Hurt Locker" หนังเล่าเกี่ยวกับสงครามอิรัก

3. "Precious: Based on the novel Push by Sapphire" หนังดราม่า เล่าถึงชีวิตของสาวอ้วนดำ

4. "Up in the Air" ที่คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ

5. "Inglourious Basterds" หนังของผู้กำกับคนดัง เควนติน ทาเรนติโน

6. "Up" ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น ของค่ายพิกซาร์ ที่คว้ารางวัล มะเขือเทศทองคำ จากคะแนนของนักวิจารณ์และคนชอบหนัง

7. "The Blind Side" จากชีวิต Michael Oher ผู้ซึ่งกลายมาเป็น นักฟุตบอลที่โด่งดังในอเมริกา

8. "District 9" หนังไซไฟ ทริลเลอร์

9. "An Education" หนังดรามาอีกเรื่องที่สร้างจากหนังสือชีวประวัติของนักเขียนหญิง

10. "A Serious Man"หนังตลกร้าย ของสองพี่น้อง โจเอล และ อีธาน โคน


สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

1. จอร์จ คลูนี่ย์ จาก "Up in the Air"

2. เจฟฟ์ บริดเจดส์ "Crazy Heart"

3. คอลิน เฟิร์ธ จาก "A Single Man"

4. มอร์แกน ฟรีแมน จาก "Invictus"

5. เจเรมี เรนเนอร์ จาก "The Hurt Locker"


สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

1. เมอริล สตรีพ จาก "Julie & Julia"

2. ซานดร้า บูลล็อก จาก "The Blind Side"

3. กาบูเร ซิดิเบ จาก "Precious: Based on the novel 'Push' by Sapphire"

4. เฮเลน มิเรน จาก "The Last Station"

5. แครี มูลิแกน จาก "An Education"


สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

1. แมตต์ เดมอน จาก "Invictus"

2. วูดดี้ ฮาเรลสัน จาก "The Messenger"

3. คริสโตเฟอร์​ พลัมเมอร์ จาก "The Last Station"

4. สแตนลีย์ ทุชชี่ จาก "The Lovely Bones"

5. คริสตอฟ วอลทซ์ จาก "Inglourious Basterds"


สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

1. เวรา ฟาร์มิกา จาก "Up in the Air"

2. โม นิก จาก "Precious"

3. แอนนา เคนดริค จาก "Up in the Air"

4. เพเนโลเป ครูซ จาก Nine"

5. แมกกี้ กิลเลนฮาล จาก "Crazy Heart"


สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

1. เควนติน ทาเรนติโน่ จาก "Inglourious Basterds"

2. แคธริน บิเกอโลว์ จาก "The Hurt Locker"

3. เจมส์ คาเมรอน จาก "Avatar"

4. ลี แดเนียลส์ จาก "Precious: Based on the novel 'Push' by Sapphire"

5. เจสัน ไรท์แมน จาก "Up in the Air"


สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม

1. "Up"

2. "Coraline"

3. "Fantastic Mr. Fox"

4. "The Princess and the Frog"

5. "The Secret of Kells"

สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

1. "The Hurt Locker"

2. "Inglourious Basterds"

3. "The Messenger"

4."A Serious Man"

5. "Up"


สาขาบทภาพยนตร์​ดัดแปลงยอดเยี่ยม

1. "District 9"

2. "An Education"

3. "In the Loop"

4. "Precious"

5. "Up in the Air"


สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ

1. Ajami

2. El Secreto De Sus Ojos

3. The Milk of Sorrow

4. A Prophet

5. The White Ribbon


หนังสั้นแอนิเมชั่น

1. Users

2. French Roast

3. Granny O′Grimm′s Sleeping Beauty

4. The Lady and the Reaper (La Dama y la Muerte)

5. Logorama

6. A Matter of Loaf and Death

กำกับศิลป์

1. Avatar

2. The Imaginarium of Doctor Parnassus

3. Nine

4. Sherlock Holmes

5. The Young Victoria


ถ่ายภาพ

1. Avatar

2. Harry Potter and the Half-Blood Prince

3. The Hurt Locker

4. Inglourious Basterds

5. The White Ribbon


ชุดแต่งกาย

1. Bright Star

2. Coco Before Chanel

3. The Imaginarium of Doctor Parnassus

4. Nine

5. The Young Victoria


ตัดต่อภาพ

1. Avatar

2. District 9

3. The Hurt Locker

4. Inglourious Basterds

5. Precious


เพลงประกอบ

1. Avatar

2. The Hurt Locker

3. Sherlock Holmes

4. Up


ดนตรีประกอบ

1. "Almost There" - The Princess and the Frog

2. "Down in New Orleans" - The Princess and the Frog

3. "Loin de Paname" - Paris 36

4. "Take It All" - Nine

5. "The Weary Kind" - Crazy Heart


แต่งหน้า

1. Il Divo

2. Star Trek

3. The Young Victoria


เทคนิคพิเศษด้านภาพ

1. Avatar

2. District 9

3. Star Trek


ตัดต่อเสียง

1. Avatar

2. The Hurt Locker

3. Inglourious Basterds

4. Star Trek

5. Up


มิกซ์เสียง

1. Avatar

2. The Hurt Locker

3. Inglourious Basterds

4. Star Trek

5. Transformers: Revenge of the Fallen


ภาพยนตร์สารคดีเรื่องยาว

1. Burma VJ

2. The Cove

3. Food, Inc.

4. Which Way Home

5. The Most Dangerous Man in America: Daniel Ellsberg and the Pentagon Papers


สารคดีสั้น

1. China′s Unnatural Disaster: The Tears of Sichuan Province

2. The Last Campaign of Governor Booth Gardner

3. The Last Truck: Closing of a GM Plant

4. Music by Prudence[ EXPERT PICK ]

5. Rabbit a la Berlin


หนังสั้นบันทึกสด

1. The Door

2. Instead of Abracadabra

3. Kavi

4. Miracle Fish

5. The New Tenants

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีลงเกมส์ James Cameron's AVATAR - THE GAME





วิธีลงเกม

- เข้าไปที่โฟลเดอร์ bin แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ Avatar.exe แล้วก็กด Next แล้วจะเจอ Active Key ขอรับ

- ติ๊กที่ manual นะครับ จะเจออันที่เขียนว่า Hardware ID ให้ COPY ตรง Hardware ID ไว้ก่อน

- จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่ keygen_v1.01.exe

- แล้วก็เอา Hardware ID ที่เรา COPY ไว้มาวางที่ช่อง Hardware ID

- จากนั้นก็คลิก Generate แล้วจะได้ Activation Key มา แล้วก็เอาไปใส่ในช่องเสร็จเข้าเกมได้ขอรับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

ประวัตินักปรัชญา1



ฌอง ปอล ซาร์ตร์



ฌอง ปอล ซาร์ตร์ (Jean-Paul Sartre, 21 มิถุนายน พ.ศ. 2448 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส - 15 เมษายน พ.ศ. 2523 ที่กรุงปารีส) เป็นนักเขียนนวนิยาย บทละคร นักปรัชญา และผู้มีบทบาทสำคัญในแนวคิดทฤษฎีที่ว่าทุกคนนั้นอิสระและรับผิดชอบในการ กระทำของตน (Existentialism) เป็นนักปรัชญาผู้ประกาศเสรีภาพของมนุษย์ในแง่ปัจเจกชน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) แต่ไม่ยอมรับรางวัลดังกล่าว

ฌอง ปอล ซาร์ตร์เข้ารับการศึกษาที่ École Normale Supérieure ระหว่างปี 1924 – 1929 เมื่อเรียนจบ ก็ได้เป็นอาจารย์สาขาปรัชญา ที่ Le Havre เมื่อปี 1931 ซาตร์สูญเสียบิดาตั้งแต่วัยเยาว์ และเติบโตในบ้านของตา ชื่อ คาร์ล ชไวทเซอร์ (ผู้เป็นลุงของอัลเบิร์ต ชไวทเซอร์) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ภาษาเยอรมันที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์

ระหว่างปี 1931 - 45 ซาร์ตร์ได้สอนหนังสือหลายที่ รวมทั้งในอังกฤษ และสุดท้ายก็กลับมาที่ปารีส มีสองครั้งที่อาชีพของเขาถูกขัดขวาง ครั้งหนึ่ง เมื่อต้องศึกษาเป็นเวลา 1 ปี ในกรุงเบอร์ลิน และครั้งที่สองเมื่อต้องเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1939 ครั้นปีต่อมาถูกจับเป็นเชลย และอีกปีถัดมาก็ได้รับการปลดปล่อย

ช่วงเวลาที่สอนหนังสือนั้น ซาร์ตร์ได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง La Nausee, 1938 เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขามีชื่อเสียง นวนิยายเรื่องนี้เขียนในรูปบันทึกประจำวัน เล่าถึงความรู้สึกชิงชัง เมื่อเผชิญหน้ากับโลกของทางวัตถุ ไม่เพียงแต่โลกของคนอื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการรับรู้ถึงตัวของเขาด้วย

ซาร์ตร์ได้รับอิทธิพลจากนักปรัชญาเยอรมัน ชื่อเอดมุนด์ ฮุสเซล และนำมาใช้ด้วยทักษะอันเลิศในผลงานพิมพ์ 3 เล่ม คือ L'Imagination (1936; จินตนาการ), Esquisse d'une theorie des emotions (1939; ร่างทฤษฎีแห่งอารมณ์) และ L'Imaginaire : Psychologie pheomenologique de l'imagination (1940; จิตวิทยาแห่งจินตนาการ) แต่ทว่าใน L'Etre et le neant (1943; ความมีอยู่ และความไม่มีอะไร)ซาร์ตร์กำหนดฐานะของจิตสำนึกมนุษย์ หรือความไม่มีอะไร (neant) ไว้ตรงข้ามความมีอยู่ หรือความเป็นสิ่งของ (etre)

ซาร์ตร์เริ่มเขียนนวนิยายชุด 4 เล่ม เมื่อปี 1945 ชื่อ Les Chemins de la liberte อีก 3 เล่ม คือ L'Age de raison (1945; ยุคแห่งเหตุผล), Le Sursis (1945; ) และ La Mort dans l'ame (1949;เหล็กในวิญญาณ) หลังพิมพ์ครั้งที่ 3 ซาร์ตร์ก็เปลี่ยนใจหันกลับไปสู่บทละครอีก

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซาร์ตร์เขียนโจมตีความยะโสของมนุษย์ และเสรีภาพของปัจเจกชน ซาร์ตร์ได้เปลี่ยนความสดใสไปสู่แนวคิดของความรับผิดชอบของสังคมหลายปีแล้ว ที่เขาแสดงความใสใจคนรวย และคนที่ไม่มีมรดกทุกชนิด ขณะเป็นครูเขาปฏิเสธไม่ยอมผูกเน็คไท ราวกับเขาจะเช็ดชนชั้นทางสังคมให้สลายไปด้วยเน็คไท และเข้าใกล้พวกคนใช้แรงงานมากขึ้น ในงานเรื่อง L'Existentialism est un humanism (1946;) ตอนนี้เสรีภาพแสดงนัยของความรับผิดชอบทางสังคม ในนวนิยายและบทละครเรื่องต่างๆ ของเขา

ซาร์ตร์ได้พยายามแสดงความคิดเห็นในสื่อของเขาระหว่างช่วงสงคราม และบทละครใหม่ ก็ตามติดมาเรื่อยๆ ได้แก่ Le Mouches (ออกแสดง 1943), Huis- clos (1944) Les Mains Sales (1948) Le Diable et le bon dieu (1951) และ Les Sequestres d'Altona (1959)บทละครทั้งหมด จะเน้นที่พฤติกรรมก้าวร้าวดั้งเดิมของมนุษย์ต่อมนุษย์ ซึ่งดูเหมือนมีแต่การมองโลกในแง่ร้าย แต่ตามคำสารภาพของซาตร์เอง จุดมุ่งหมายนั้นไม่มีเรื่องศีลธรรมของการใช้ทาสเลย

กิจกรรมทางการเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซาร์ตร์มีความสนใจอย่างกระตือรือร้นต่อชนวนการทางการเมืองในฝรั่งเศส และโน้มเอียงไปทางฝ่ายซ้าย ก็ประกาศชัดมากขึ้น เขาเป็นผู้นิยมสภาพโซเวียตอย่างยิ่ง แม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ก็ตาม

ในปี 1954 ซาตร์เดินทางไปโซเวียต ประเภทแถบสแกนดิเนเวีย แอฟริกา สหรัฐอเมริกา และคิวบา เมื่อรัสเซียนำรถถังบุกกรุงบูดาเปส ในปี 1956 ความหวังของซาร์ตร์ที่มีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ก็พังครืนอย่างน่าเศร้า เขาเขียนบทความขนาดยาว ใน Les Temps Modernes เรื่อง Le Fantoms de Staline ซึ่งตำหนิการแทรกแซงของรัสเซีย และการยอมรับพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส

ซาร์ตร์ได้ร่วมมือกับ ซิโมน เดอ โบวัวร์ (Simone de Beauvoir) เขียนเรื่อง Memoires d'une jeune fille rangee,1958 และเรื่อง La Force de l'age, 1960-2 โดยได้เล่าถึงชีวิตของซาร์ตร์ จากสมัยนักเรียน จนถึงกลางศตวรรษที่ 50 ใน École Normale Supérieure ในภายหลังเขาได้พบผู้คนมากมาย ที่มีจุดมุ่งหมายจะเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ในจำนวนนี้ได้แก่ แรมง อารง (Raymond Aron) โมรีก แมโล-ปงตี (Maurice Merleau-Ponty), ซิโมน แวยล์ (Simone Weil), อองมานูล มูนีแยร์ (Emmanuel Mounier), ฌอง อีปโปลีต (Jean Hippolyte) และ เคลาด์ เลวี-สเตราส์ (Claude Levi-Strauss)

ผ่านไปหลายปี ทัศนคติเชิงวิจารณ์นี้เปิดทางสู่รูปแบบของสังคมนิยมแบบซาร์ตร์ ซึ่งจะพบการแสดงออกในผลงานใหญ่ชิ้นใหม่ ชื่อ Critique de la raison dialectique (1960) ซาร์ตร์ได้ดำเนินการตรวจสอบเชิงวิจารณ์ถึงวิภาษวิธีแบบมาร์กซ์ และค้นพบว่า ไม่มีความยั่งยืนในรูปแบบที่โซเวียตใช้


อริสโตเติล


อริสโตเติล (กรีก: Αριστοτέλης, Aristotelēs ; อังกฤษ: Aristotle) (พ.ศ. 160 (384 ก่อนค.ศ.) - 7 มีนาคม พ.ศ. 222 (322 ก่อนค.ศ.)) เป็นนักปรัชญากรีกโบราณ เป็นลูกศิษย์ของเพลโต และเป็นอาจารย์ของอเล็กซานเดอร์มหาราช ท่านและเพลโตได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักปรัชญาที่มีอิทธิพลสูงที่สุดท่านหนึ่ง ในโลกตะวันตก ด้วยผลงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับฟิสิกส์ กวีนิพนธ์ สัตววิทยา การเมือง การปกครอง จริยศาสตร์ และชีววิทยา

นักปรัชญากรีกโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ อริสโตเติล, เพลโต (อาจารย์ของอริสโตเติล) และโสกราติส (ที่แนวคิดของเขานั้นมีอิทธิพลอย่างสูงกับเพลโต) พวกเขาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของปรัชญากรีก สมัยก่อนโสกราติส จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันตกในลักษณะปัจจุบัน โสกราติสนั้นไม่ได้เขียนอะไรทิ้งไว้เลย ทั้งนี้เนื่องจากผลของแนวคิดปรากฏในบทสนทนาของเพลโตชื่อ เฟดรัส เราได้ศึกษาแนวคิดของเขาผ่านทางงานเขียนของเพลโตและนักเขียนคนอื่น ๆ ผลงานของเพลโตและอริสโตเติลเป็นแก่นของปรัชญาโบราณ

อริสโตเติลเป็นหนึ่งในไม่กี่บุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้ศึกษาแทบทุกสาขาวิชาที่มีในช่วงเวลาของเขา ในสาขาวิทยาศาสตร์ อริสโตเติลศึกษา กายวิภาคศาสตร์, ดาราศาสตร์, วิทยาเอ็มบริโอ, ภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา, อุตุนิยมวิทยา, ฟิสิกส์,และ สัตววิทยา ในด้านปรัชญา อริสโตเติลเขียนเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, จริยศาสตร์, การปกครอง, อภิปรัชญา, การเมือง, จิตวิทยา, วาทศิลป์ และ เทววิทยา เขายังสนใจเกี่ยวกับ ศึกษาศาสตร์, ประเพณีต่างถิ่น, วรรณกรรม และ กวีนิพนธ์ ผลงานของเขาเมื่อรวบรวมเข้าด้วยกันแล้ว สามารถจัดว่าเป็นสารานุกรมของความรู้สมัยกรีก

  • ปรัชญาของอริสโตเติล
  • อภิปรัชญาของอริสโตเติล
  • ปรัชญาธรรมชาติของอริสโดเติล
  • จิตวิทยาของอริสโตเติล

ประวัติ

อริสโตเติลเกิดเมื่อประมาณ 384 หรือ 383 ปีก่อนคริสตกาลที่เมืองสตากีรา (Stagira) ในแคว้นมาเซโดเนีย (Macedonia) ซึ่งเป็นแคว้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือสุดชองทะเลเอเจียน (Aegaeen Sea) ของประเทศกรีก เป็นบุตรชายของนายนิโคมาคัส (Nicomachus) ซึ่งมีอาชีพทางการแพทย์ประจำอยู่ที่เมืองสตาราเกีย และยังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าอมินตัสที่ 2 (King Amyntas II) แห่งมาเซโดเนีย

ในวัยเด็กนั้นผู้ที่ให้การศึกษาแก่อริสโตเติลคือบิดาของเขานั้นเองซึ่งเน้นหนักไปในด้านธรรมชาติวิทยา เมื่อเขาอายุได้ 18 ปีก็ได้เดินทางไปศึกษาต่อกับปรัชญาเมธีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุดนั้นคือ เพลโต ในกรุงเอเธนส์ (Athens) ในระหว่างการศึกษาอยู่กับเพลโต 20 ปีนั้นทำให้อริสโตเติลเป็นนักปราชญ์ที่ลือนามต่อมาจากเพลโต ต่อมาเมื่อเพลโตถึงแก่กรรมในปี 347 ปีก่อนคริสต์ศักราช อริสโตเติลจึงเดินทางไปรับตำแหน่งเป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ในปี 343 - 342 ก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาในปี 336 ก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้ ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าฟิลิป พระองค์จึงได้พระราชทานทุนให้แก่อริสโตเติลเพื่อจัดตั้งโรงเรียนที่สตากิรา ชื่อไลเซียม (Lyceum)

ในการทำการศึกษาและค้นคว้าของอริสโตเติลทำให้เขาเป็นผู้รอบรู้สรรพวิชา และได้เขียนหนังสือไว้มากมายประมาณ 400 - 1000 เล่ม ซึ่งงานต่าง ๆ ที่ได้เขียนขึ้นมานั้น ได้มีอิทธิพลต่อความเชื่อในศาสนาคริสต์จวบจนกระทั่งยุคกลางหรือยุคมืด ซึ่งมีเวลาประมาณ 1,500 ปีเป็นอย่างน้อย

คำสอน

คำสอนที่น่าสนใจของอริสโตเติลได้แก่ ความเชื่อที่ว่าโลกเรานี้ประกอบด้วยธาตุต่างๆ 4 ธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ

ในเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลนั้นอริสโตเติลเข้าใจว่า โลกเราเป็นศูนย์กลางของจักรวาลโดย มีดวงดาวต่าง ๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์โคจรรอบ ๆ สวรรค์นั้นอยู่นอกอวกาศ โลกอยู่ด้านล่างลงมา น้ำอยู่บนพื้นโลก ลมอยู่เหนือน้ำ และไฟอยู่เหนือลมอีกทีหนึ่ง ธาตุต่าง ๆ ของโลกจะเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่ทว่าธาตุที่ประกอบเป็นสวรรค์นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงจะมีรูปร่างเช่นนั้น ตลอดไป ซึ่งคำสอนต่อมาในปี ค.ศ. 1609 โจฮันน์ เคปเลอร์ (Johann Kepler) ได้ตั้งกฏของเคปเลอร์ ซึ่งเป็นการประกาศว่า โลกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี เป็นการลบล้างความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลของอริสโตเติล

และในอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ กรณีของวัตถุสองอย่างที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน จะตกลงถึงพื้นไม่พร้อมกันตามหลักของอริสโตเติล ซึ่งกาลิเลโอ ได้ทำการพิสูจน์ต่อหน้าสาธารณชนที่หอเอนแห่งปิซาว่าเป็นคำสอนที่ไม่จริงในปี ค.ศ. 1600

แต่อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีของอริสโตเติลทางด้านชีววิทยานั้นเป็นที่ยกย่องกันมาก เพราะเขาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา และพวกสัตว์เลื้อยคลานและได้ทำการบันทึกไว้อย่างละเอียดมาก เขาได้แบ่งสัตว์ออกเป็น 2 พวกใหญ่ คือ พวกมีกระดูกสันหลัง (Vertebrates) และพวกไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrates) นับว่าอริสโตเติลเป็นผู้บุกเบิกความรู้ทางด้านนี้จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธรรมชาติวิทยาคนแรกของโลก


อ้างอิง

  • Knight, Kelvin. 2007. Aristotelian Philosophy: Ethics and Politics from Aristotle to MacIntyre, Polity Press.
  • Lewis, Frank A. 1991. Substance and Predication in Aristotle. Cambridge: Cambridge University Press.